top of page

การใส่ไฟล์ออดิโอลงในเว็บเพจ
        เราสามารถใช้แท็กคำสั่ง <audio> ในการใส่ไฟล์ออดิโอลงในหน้าเว็บเพจได้โดยมีรูปแบบดังนี้

รูปแบบ

 

<audio src="ชื่อไฟล์เสียง" ตัวควบคุม>ข้อความ</audio>

 

                   โดยที่

Capture_edited.png

ตัวอย่าง การใส่ไฟล์ออดิโอลงในหน้าเว็บเพจ

1) เมื่อไม่มีตัวควบคุมใด ๆ

<audio src="myaudio.ogg"> </audio>

- การสั่งแบบนี้จะไม่มีผลใดๆ

2) เมื่อให้แสดงแผงควบคุมการเล่น

<audio src="myaudio.ogg" controls> </audio>

                    ถ้าเบราว์เซอร์เล่นไฟล์นั้นจะได้แสดงแผงควบคุมการเล่นบนหน้าจอด้วย เช่น

Capture.PNG

หากเป็นไฟล์ที่เบราว์เซอร์ไม่รองรับ จะแสดงคำเตือนให้ทราบเช่น Internet Explorer เล่นไฟล์.ogg นี้ไม่ได้ จะปรากฏ

errorie.png

เมื่อใช้คำสั่ง preload เพื่อให้เบราว์เซอร์ทำการดาวน์โหลดข้อมูลที่จำเป็นมาไว้ก่อนที่จะโหลดทั้งไฟล์

<audio src="myaudio.ogg" controls preload="metadata"></audio>

เมื่อสั่งให้เล่นไฟล์ทันทีที่โหลดเสร็จ (autoplay) และให้เล่นแบบวนซ้ำ (loop)

<audio src="myaudio.ogg"controls autoplay loop > </audio>

 การกำหนดไฟล์ออดิโอให้ใช้ได้กับทุกเบราว์เซอร์

          ในการที่เราจะเขียนเว็บให้สามารถใช้ได้กับเว็บเบราว์เซอร์ที่หลากหลายได้เราจำเป็นต้องใส่ไฟล์ออดิโอ
หลายๆ ชนิดเพื่อให้ครอบคลุมการรองรับของเว็บเบราว์เซอร์เหล่านั้น แต่แท็กคำสั่ง <audio> แต่ละอันจะมีคำสั่ง src
ให้เราใส่ไฟล์ได้เพียงอันเดียว เพื่อแก้ปัญหา นี้ แท็ก <audio> จึงถูกออกแบบให้สามารถกำหนดไฟล์หลายๆ ไฟล
์ โดยการใช้แท็กคำสั่ง <source> เข้ามาช่วย  ตัวอย่างเช่น

 

                                      <audio controls>
                                     <source src ="sound.ogg" type="audio/ogg">
                                    < source src ="sound.wav" type="audio/x-wav">
                                    < source src ="sound.mp3" type="audio/mpeg">
                            No audio support
              </audio>

 

             โดยทั่วไปเมื่อไม่มีการระบุคำสั่ง src ไว้ในแท็ก <audio> ไฟล์ที่ระบุไว้ในแท็ก<source> อันแรกสุดจะถูกเล่นเมื่อเบราว์เซอร์นั้นรองรับ HTML5 หากเล่นไม่ก็จะเลื่อนไปยังไฟล์ในแท็ก<source> ถัดไปเรื่อย ๆ
แต่ถ้าหากเล่นไม่ได้เลยก็จะไม่เกิดเสียงใดๆและแสดงข้อความที่เรากำหนดไว้เช่น No audio support! เป็นต้น
แต่ทันที่เบราว์เซอร์พบตัวเล่นไฟล์ที่ตรงกับชนิดของไฟล์ที่กำหนด ก็จะเล่นไฟล์นั้นแล้วข้ามไปทำคำสั่งที่อยู่ถัดจาก
</audio> ต่อไป

              ส่วนของ type จะเป็นส่วนที่ช่วยให้เบราว์เซอร์รู้ว่าไฟล์ที่เรากำหนดนั้น เป็นไฟล์ชนิดใดซึ่งจะไม่ใส่ก็ได้ หากจะใส่ให้ดูได้จากตารางข้างล่างนี้

Capture.PNG

การใส่ไฟล์วิดีโอลงในเว็บเพจ

         เราสามารถใช้แท็กคำสั่ง <video> ในการใส่ไฟล์วิดีโอลงใหน้าเว็บเพจโดยมีรูปแบบดังนี้

 

รูปแบบ

<video src="ชื่อไฟล์วิดีโอ" ตัวควบคุม > ข้อความ </video>

โดยที่

Capture.PNG

ตัวอย่างการใส่ไฟล์วิดีโอลงในหน้าเว็บเพจ

 

               1) เมื่อใส่แท็ก <video> โดยไม่มีตัวควบคุมใดๆ <video src="myvideo.mp4"> </video>
การสั่งแบบนี้ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะจะได้ชมเฉพาะเฟรมแรกของวิดีโอนั้นเท่านั้น

 

<video src="myvideo.mp4"> </video>

 

               2) การให้แสดงแผงควบคุมการเล่น<video src ="myvideo.mp4"controls></video>
แผงควบคุมจะถูกซ่อนไว้เมื่อวิดีโอเริ่มเล่นให้เลื่อนเมาส์เข้าไปที่กรอบวิดีโอก็จะแสดงออกมา

 

<video src ="myvideo.mp4"controls></video>

 

               3) การใช้คำสั่ง preload เพื่อให้เบราว์เซอร์ทำการดาวน์โหลดข้อมูลที่จำเป็นมาไว้ก่อนที่จะดาวน์โหลด
ทั้งไฟล์

      <video src ="myvideo.mp4"
              Controls preload="metadata">
     </video>

 4) เมื่อสั่งให้เล่นไฟล์ทันทีที่โหลดเสร็จ (autoplay) และเล่นแบบวนซ้ำ (loop)

 

                   <video src ="myvideo.mp4"
                              Controls autoplay loop >
                  </video>

 

              5) การใช้คำสั่ง Poster ในการกำหนดภาพเบื้องต้นเมื่อวิดีโอนั้นยังไม่ถูกเล่น

 

                   <video src ="myvideo.mp4"
                         Poster ="posterimage.jpg">
                  </video>

 

              6) การกำหนดขนาดของกรอบวิดีโอด้วยคำสั่ง  width  และ  height

 

                   <video src ="myvideo.mp4"
                         width="300" height ="300">
                  </video>

 

                          เราไม่สามารถกำหนดขนาดของภาพได้โดยตรงเพราะ โปรแกรมจะคงสัดส่วนของภาพไว้เสมอ

 

               7) การปิดเสียงวิดีโอด้วยคำสั่ง muted

 

                 <video src ="myvideo.mp4" muted>
                </video>

 

5.1 การกำหนดไฟล์วิดีโอให้ใช้ได้กับทุกเบราว์เซอร์

             เช่นดียวกับการใส่ไฟล์ออดิโอ หากต้องการให้ไฟล์วิดีโอของเราใช้ได้กับเว็บเบราว์เซอร์ที่หลากหลาย เราจำเป็นต้องใส่ไฟล์วิดีโอหลายๆชนิด เพื่อให้ครอบคลุมการรองรับของเว็บเบราว์เซอร์เหล่านั้น โดยการใช้แท็กคำสั่ง
<source> เข้ามาช่วย ตัวอย่างเช่น

 

         <video width="320" height ="240" controls>
            <source src ="myvideo.mp4" type="video/mp4">
            <source src ="myvideo.ogv" type="video/.ogv">
            <source src ="myvideo.wedm" type="video/.wedm">
            No audio support!
        </video> <video src="ชื่อไฟล์วิดีโอ" ตัวควบคุม> ข้อความ </video>

 

              เมื่อเราใส่ไฟล์ให้เลือกแบบนี้ Internet Explorer และ Safari จะเล่นไฟล์ mp4, Firefox และ Chrome จะเล่นไฟล์ ogv,และเบราว์เซอร์อื่นๆ จะเล่นไฟล์ wedm
             ส่วนของ type จะเป็นส่วนที่ช่วยบอกให้เบราว์เซอร์รู้ว่าไฟล์ที่เรากำหนดนั้นเป็นไฟล์ชนิดใดซึ่งจะไม่ใส่ก็ได้ หากจะใส่ให้ดูได้จากตารางข้างล่างนี้

Capture.PNG

6. การเตรียมการสำหรับเบราว์เซอร์รุ่นเก่า
        ใน HTML รุ่นก่อนหน้า HTML5 นั้นจะใช้แท็กคำสั่ง <object> หรือ <embed> ในการจัดการกับไฟล์ออดิโอ
และวิดีโอ ในหน้าเว็บเพจ แต่ใน HTML5 ได้เพิ่มแท็กคำสั่ง <audio> และ <video> มาใช้แทนแต่อย่างไรก็ตาม
ใช่ว่า ทุกเว็บเบราว์เซอร์จะรองรับแท็กคำสั่ง <audio> และ <video> นี้ได้ ซึ่งเว็บเบราว์เซอร์ที่สามารถรองรับได้
จะมีดังนี้

                              Internet Explorer 9+            Firefox3.5+              safari 3+
                             Chrome 3+                            Opera 10.5+             iphone 1+
                             Android 2+

         หากเว็บเบราว์เซอร์ใดไม่รองรับก็จะข้ามแท็กคำสั่งนี้ไปเอง ดังนั้นหากเราต้องการให้ได้กับเว็บเบราว์เซอร์ทั้ง
เก่า และ ใหม่ ควรใช้แท็กคำสั่ง <embed> ร่วมด้วย

 

      6.1 การใสไฟล์ออดิโอด้วยแท็กคำสั่ง <embed>

 

                        <audio controls>
                              <source src ="myaudio.mp3">
                              < source src ="myaudio.ogg">
                              < embed src ="myaudio.mp3">
                       </audio>

 

          เมื่อใช้แท็กคำสั่ง <embed> กับไฟล์ออดิโอ เราสามารถใส่คำสั่งเสริมได้ 2 คำสั่ง คือ src และ autostart
เมื่อ src ใช้กำหนดชื่อไฟล์ออดิโอ และ autostart เพื่อเล่นไฟล์นั้นทันทีหรือไม่ ซึ่งโดยปกติแล้วไฟล์นั้นจะถูกเล่นทันที
แต่ถ้ายังไม่ต้องการให้เล่นให้ระบุคำสั่ง autostart =" false" ดังนี้

 

  <embed src ="myaudio.mp3"autostart="false">

 

           เราจะวางแท็กคำสั่ง <embed> ไว้แท็กใน <audio> ก็เพราะว่าเมื่อไฟล์ที่เราระบุไว้ก่อนหน้าแท็กคำสั่งนี้
สามารถเล่นได้เบราว์เซอร์จะข้ามคำสั่ง <embed> นี้ไป แต่ถ้าหากเบราว์เซอร์นั้นไม่รับรองแท็ก <audio> คำสั่ง
<embed> นี้จึงจะผล

 

        6.2 การใส่ไฟล์วิดีโอด้วยแท็กคำสั่ง<embed>
          และเช่นเดียวกับไฟล์ออดิโอ เราก็สามารถใช้แท็กคำสั่ง <embed> เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมที่ใช้เบราว์เซอร์
ที่ไม่รองรับแท็ก <video> ยังสามารถชมวิดีโอของเราได้ ดังตัวอย่าง

 

            <video width="320"height="240" controls>
               <source src ="myvideo.mp4" type="video/mp4">
               <source src ="myvideo.ogg" type="video/.ogg">
               <source src ="myvideo.wedm" type="video/.wedm">
               <embed src ="myvideo.mp4" type="application/x-shockwave-flash"                            

width ="320"height="240" >
           </video>

bottom of page